ภาพรวมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและแนวโน้มล่าสุด 13 สิงหาคม 2567
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีบทบาทในการเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์และการระดมทุนสำหรับบริษัทต่าง ๆ ในวันที่ 13 สิงหาคม 2567 ตลาดหุ้นไทยได้แสดงการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ซึ่งสะท้อนถึงสภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการลงทุน
บทความนี้จะนำเสนอภาพรวมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 13 สิงหาคม 2567 รวมถึงแนวโน้มล่าสุด และปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของดัชนีต่าง ๆ เพื่อให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนการลงทุน
ข้อมูลดัชนีล่าสุด
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 13 สิงหาคม 2567 เวลา 11:37:58
สถานะตลาด: เปิด (Open)
ตารางต่อไปนี้แสดงข้อมูลดัชนีหลักของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย:
ดัชนี | ล่าสุด | เปลี่ยนแปลง | เปิด | สูงสุด | ต่ำสุด | ปริมาณ ('000 หุ้น) | มูลค่า (ล้านบาท) |
---|---|---|---|---|---|---|---|
SET | 1,429.40 | +7.82 (+0.55%) | 1,428.15 | 1,433.66 | 1,426.25 | 4,682,933 | 23,186.31 |
SET50 | 902.66 | +5.34 (+0.60%) | 902.00 | 906.14 | 900.45 | 1,100,652 | 16,854.82 |
SET100 | 1,968.58 | +11.52 (+0.59%) | 1,966.90 | 1,975.74 | 1,963.73 | 1,523,264 | 19,877.38 |
sSET | 842.17 | +7.15 (+0.86%) | 838.60 | 843.43 | 838.01 | 308,335 | 1,034.17 |
SETCLMV | 814.52 | +5.43 (+0.67%) | 812.77 | 818.09 | 812.58 | 266,055 | 9,838.64 |
SETHD | 1,209.20 | +6.28 (+0.52%) | 1,205.15 | 1,213.02 | 1,202.64 | 595,023 | 7,888.30 |
SETESG | 919.02 | +5.32 (+0.58%) | 917.34 | 922.50 | 917.04 | 1,099,798 | 14,994.32 |
SETWB | 840.68 | +5.01 (+0.60%) | 840.75 | 846.73 | 839.93 | 230,141 | 4,106.21 |
mai | 351.77 | +1.35 (+0.39%) | 352.43 | 355.05 | 350.52 | 548,206 | 736.21 |
ภาพรวมภาวะตลาด
สถานะตลาด ณ วันที่ 13 สิงหาคม 2567 เวลา 11:37:58
SET
- หลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น: 327 หลักทรัพย์
- ปริมาณการซื้อขาย: 1,729,119,000 หุ้น
- หลักทรัพย์ที่ไม่เปลี่ยนแปลง: 181 หลักทรัพย์
- ปริมาณการซื้อขาย: 569,109,000 หุ้น
- หลักทรัพย์ที่ลดลง: 131 หลักทรัพย์
- ปริมาณการซื้อขาย: 204,329,000 หุ้น
- จำนวนรายการซื้อขาย: 241,184 รายการ
mai
- หลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น: 109 หลักทรัพย์
- ปริมาณการซื้อขาย: 312,601,000 หุ้น
- หลักทรัพย์ที่ไม่เปลี่ยนแปลง: 59 หลักทรัพย์
- ปริมาณการซื้อขาย: 110,346,000 หุ้น
- หลักทรัพย์ที่ลดลง: 41 หลักทรัพย์
- ปริมาณการซื้อขาย: 61,590,000 หุ้น
- จำนวนรายการซื้อขาย: 43,573 รายการ
ผลการดำเนินงาน
ข้อมูล ณ วันที่ 12 สิงหาคม 2567
SET
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization): 17,615,968.57 ล้านบาท
- อัตราหมุนเวียนปริมาณการซื้อขาย (YTD): 103.68%
- P/E Ratio: 17.70 เท่า
- P/BV Ratio: 1.34 เท่า
- อัตราเงินปันผลตอบแทน: 3.22%
- กำไรสุทธิต่อหุ้น: 80.32 บาท
mai
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization): 361,415.58 ล้านบาท
- อัตราหมุนเวียนปริมาณการซื้อขาย (YTD): 38.85%
- P/E Ratio: 37.15 เท่า
- P/BV Ratio: 1.80 เท่า
- อัตราเงินปันผลตอบแทน: 2.08%
- กำไรสุทธิต่อหุ้น: 9.43 บาท
% การเปลี่ยนแปลงของดัชนี
ข้อมูล ณ วันที่ 12 สิงหาคม 2567
SET
- ในรอบ 3 เดือนล่าสุด: +7.97%
- ในรอบ 6 เดือนล่าสุด: +3.04%
- ตั้งแต่ต้นปี (YTD): +0.40%
mai
- ในรอบ 3 เดือนล่าสุด: -3.92%
- ในรอบ 6 เดือนล่าสุด: -15.06%
- ตั้งแต่ต้นปี (YTD): -14.87%
การวิเคราะห์แนวโน้มตลาด
1. แนวโน้มดัชนี SET
ดัชนี SET แสดงการเพิ่มขึ้นในทุกช่วงเวลา ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปัจจัยที่สนับสนุนแนวโน้มบวกนี้ ได้แก่:
- การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย: หลังจากสถานการณ์โควิด-19 เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว ซึ่งส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
- การลงทุนจากต่างประเทศ: นักลงทุนต่างชาติเพิ่มความสนใจในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากเห็นโอกาสในการเติบโต
- นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ: รัฐบาลไทยได้ออกนโยบายที่สนับสนุนการลงทุนและการขยายตัวของธุรกิจ
2. แนวโน้มดัชนี mai
ตรงกันข้ามกับ SET ดัชนี mai แสดงการลดลงในทุกช่วงเวลา สาเหตุอาจมาจาก:
- ความผันผวนของบริษัทขนาดเล็ก: บริษัทใน mai ส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดเล็กและกลาง ซึ่งอาจมีความเสี่ยงสูงกว่า
- สภาพคล่องที่ต่ำกว่า: อัตราหมุนเวียนปริมาณการซื้อขาย (YTD) ของ mai ต่ำกว่า SET มาก แสดงถึงสภาพคล่องที่น้อยกว่า
- อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) ที่สูง: P/E Ratio ของ mai สูงถึง 37.15 เท่า อาจสะท้อนถึงราคาหุ้นที่ถูกประเมินค่าสูงเกินไป
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด
1. ปัจจัยภายในประเทศ
- เศรษฐกิจไทย: การเติบโตทางเศรษฐกิจส่งผลโดยตรงต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
- นโยบายการเงินและการคลัง: การลดอัตราดอกเบี้ยหรือการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจสามารถส่งผลดีต่อตลาดหุ้น
- เสถียรภาพทางการเมือง: ความเสถียรภาพช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
2. ปัจจัยภายนอกประเทศ
- เศรษฐกิจโลก: การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา: การแข็งค่าหรืออ่อนค่าของเงินบาทส่งผลต่อการลงทุนจากต่างประเทศ
- สงครามการค้าและความขัดแย้งระหว่างประเทศ: สถานการณ์เหล่านี้สามารถสร้างความไม่แน่นอนในตลาดการเงิน
ข้อแนะนำสำหรับนักลงทุน
1. ศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
- ติดตามข่าวสาร: การรับรู้ข่าวสารล่าสุดช่วยให้สามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างถูกต้อง
- วิเคราะห์งบการเงิน: ศึกษาผลประกอบการของบริษัทเพื่อประเมินความมั่นคงและโอกาสในการเติบโต
2. การจัดการความเสี่ยง
- กระจายการลงทุน: ลงทุนในหลายอุตสาหกรรมหรือดัชนีเพื่อลดความเสี่ยง
- ตั้งจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss): เพื่อป้องกันการสูญเสียที่มากเกินไป
3. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
- หากไม่มั่นใจ ควรปรึกษานักวิเคราะห์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเพื่อขอคำแนะนำ
แนวโน้มในอนาคต
1. การเติบโตของเศรษฐกิจไทย
- การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน: โครงการใหญ่ ๆ ของรัฐบาลสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างโอกาสในการลงทุน
- การส่งออก: หากภาคการส่งออกเติบโต จะส่งผลดีต่อบริษัทที่เกี่ยวข้องและดัชนีตลาด
2. การเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติ
- ความเชื่อมั่นในตลาดไทย: การที่นักลงทุนต่างชาติเพิ่มการลงทุนในไทยจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและขับเคลื่อนดัชนี
3. นวัตกรรมและเทคโนโลยี
- บริษัทเทคโนโลยี: การจดทะเบียนของบริษัทเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะเพิ่มความหลากหลายให้กับตลาด
สรุป
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 13 สิงหาคม 2567 แสดงแนวโน้มที่เป็นบวก โดยเฉพาะดัชนี SET ที่มีการเพิ่มขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ปัจจัยภายในประเทศ เช่น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงปัจจัยภายนอกประเทศ เช่น การลงทุนจากต่างประเทศ ส่งผลต่อการเติบโตของตลาด
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อการลงทุน การกระจายความเสี่ยงและการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเพื่อการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพ
หมายเหตุ: ข้อมูลทั้งหมดอ้างอิงจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเป็นข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 13 สิงหาคม 2567 การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุน
การติดตามสภาวะตลาดและการเปลี่ยนแปลงของดัชนีต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุน การรับรู้ข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัยจะช่วยให้สามารถวางแผนและตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและแนวโน้มล่าสุด
Comments ()