วิธีสร้าง Sitemap และตั้งค่า robots.txt สำหรับเว็บไซต์: การใช้ robots.txt กับ Sitemap ในการทำ SEO
ในยุคดิจิทัลที่การทำ SEO (Search Engine Optimization) เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงในผลการค้นหา การจัดการกับ Sitemap และ robots.txt เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการทำให้ Google และเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ เข้าใจเว็บไซต์ของคุณได้ดีขึ้น และทำให้การจัดอันดับมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
บทความนี้จะพาคุณผ่านกระบวนการสร้าง Sitemap และการตั้งค่า robots.txt สำหรับเว็บไซต์ของคุณ พร้อมทั้งคำแนะนำในการใช้ทั้งสองอย่างในการทำ SEO ที่ได้ผล
ทำความเข้าใจ Sitemap และ robots.txt
ก่อนที่เราจะเริ่มต้นการสร้างและตั้งค่า Sitemap และ robots.txt มาทำความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับแต่ละอย่างกันก่อน
Sitemap คืออะไร?
Sitemap เป็นไฟล์ที่บอกกับเครื่องมือค้นหาว่าเว็บไซต์ของคุณมีโครงสร้างอย่างไร มีหน้าไหนบ้างที่ต้องการให้ Google เข้าถึง การใช้ Sitemap จะช่วยให้ Google และเครื่องมือค้นหาอื่นๆ รวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่าง Sitemap สามารถอยู่ในรูปแบบ XML (Extensible Markup Language) ซึ่งเป็นรูปแบบที่นิยมที่สุดในการสร้างไฟล์ Sitemap
Robots.txt คืออะไร?
Robots.txt เป็นไฟล์ที่บอกกับเครื่องมือค้นหาว่าหน้าไหนบนเว็บไซต์ที่ต้องการหรือไม่ต้องการให้ถูกเก็บข้อมูล ไฟล์นี้มีความสำคัญในการควบคุมว่าเครื่องมือค้นหาจะเข้าไปที่หน้าไหนของเว็บไซต์ และหน้าไหนที่ควรจะบล็อกไว้
การตั้งค่า robots.txt ที่ถูกต้องสามารถช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีการจัดการที่ดีขึ้นในการแสดงผลใน Google โดยไม่ต้องสูญเสียทรัพยากรในการรวบรวมข้อมูลที่ไม่จำเป็น
ขั้นตอนการสร้าง Sitemap และการใช้งาน
การสร้าง Sitemap สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยใช้เครื่องมือสร้าง Sitemap หรือสร้างขึ้นเอง หากคุณใช้ระบบจัดการเนื้อหา (CMS) เช่น WordPress ก็สามารถใช้ปลั๊กอินเช่น Yoast SEO หรือ Google XML Sitemaps ในการสร้าง Sitemap ได้
วิธีสร้าง Sitemap ด้วย Yoast SEO (ใน WordPress)
- ติดตั้งปลั๊กอิน Yoast SEO: ไปที่แผงควบคุมของ WordPress เลือก "ปลั๊กอิน" และค้นหา Yoast SEO จากนั้นติดตั้งและเปิดใช้งาน
- เปิดใช้งาน XML Sitemap: ในเมนู SEO ของ Yoast ให้ไปที่ "คุณสมบัติ" และเปิดใช้งาน "XML Sitemaps"
- ตรวจสอบ Sitemap: คลิกที่ "ดู Sitemap XML" เพื่อดูไฟล์ที่สร้างขึ้น คุณจะเห็น URL ของ Sitemap ที่เป็นรูปแบบ
yoursite.com/sitemap_index.xml
- ส่ง Sitemap ให้ Google: เข้าไปที่ Google Search Console และเพิ่ม URL ของ Sitemap ของคุณเพื่อให้ Google รวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ของคุณ
สร้าง Sitemap ด้วยเครื่องมือออนไลน์
หากคุณไม่ได้ใช้ WordPress คุณสามารถใช้เครื่องมือออนไลน์ฟรี เช่น XML-sitemaps.com ซึ่งช่วยสร้าง Sitemap ได้ง่าย ๆ เพียงแค่ใส่ URL ของเว็บไซต์ของคุณ จากนั้นเครื่องมือจะสร้างไฟล์ XML ที่คุณสามารถดาวน์โหลดและอัปโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์ของคุณได้
การตั้งค่า Robots.txt
การตั้งค่า robots.txt ให้เหมาะสมเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญในการทำ SEO คุณสามารถสร้างไฟล์ robots.txt ได้ด้วยการเปิด Notepad หรือ Text Editor แล้วบันทึกไฟล์เป็นชื่อ robots.txt
จากนั้นอัปโหลดไฟล์นี้ไปยังโฟลเดอร์รากของเว็บไซต์
ตัวอย่างการตั้งค่า robots.txt
User-agent: *
Disallow: /admin/
Disallow: /wp-login/
Sitemap: https://www.yoursite.com/sitemap_index.xml
อธิบายตัวอย่าง:
- **User-agent: *** หมายถึงการอนุญาตให้ทุกเครื่องมือค้นหาสามารถเข้าถึงได้
- Disallow: ใช้สำหรับบล็อกการเข้าถึงหน้าเว็บที่ไม่ต้องการ เช่น หน้าผู้ดูแลระบบ หรือหน้าล็อกอิน
- Sitemap: บอกกับเครื่องมือค้นหาว่า Sitemap ของเว็บไซต์อยู่ที่ไหน
การตั้งค่า robots.txt ใน WordPress
- ใช้ปลั๊กอิน เช่น Yoast SEO หรือ All in One SEO เพื่อจัดการไฟล์ robots.txt โดยสามารถแก้ไขได้ในเมนูการตั้งค่าของปลั๊กอิน
- หากคุณไม่ใช้ปลั๊กอิน สามารถอัปโหลดไฟล์
robots.txt
ด้วยตนเองไปยังโฟลเดอร์หลักของเว็บไซต์ผ่าน FTP
การใช้ Sitemap และ Robots.txt ในการทำ SEO
เมื่อสร้างและตั้งค่า Sitemap และ robots.txt สำเร็จแล้ว การใช้ทั้งสองอย่างนี้ร่วมกันจะช่วยให้ Google สามารถเข้าถึงและรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือประโยชน์ของการใช้ Sitemap และ robots.txt ในการทำ SEO:
1. ช่วยเพิ่มการรวบรวมข้อมูล (Crawling) ของ Google
การที่ Google สามารถเข้าถึง Sitemap ได้อย่างถูกต้องจะทำให้ Google เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น ข้อมูลในหน้าเว็บที่สำคัญจะถูกเก็บรวบรวมและจัดอันดับได้ดียิ่งขึ้น
2. บล็อกเนื้อหาที่ไม่สำคัญ
การตั้งค่า robots.txt จะช่วยบล็อกหน้าเว็บที่ไม่จำเป็น เช่น หน้าล็อกอิน หรือหน้าผู้ดูแลระบบ การบล็อกหน้านี้ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันไม่ให้เนื้อหาที่ไม่สำคัญถูกเก็บข้อมูล แต่ยังช่วยให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้นและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. เพิ่มความแม่นยำในการจัดอันดับ
เมื่อ Google สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลจากหน้าเว็บที่มีความสำคัญและเป็นเนื้อหาที่ต้องการเน้น การใช้ Sitemap และ robots.txt อย่างเหมาะสมจะช่วยปรับปรุงการจัดอันดับของเว็บไซต์ได้ดีขึ้น
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการใช้ robots.txt และ Sitemap
- บล็อกการเข้าถึงหน้าเว็บที่สำคัญโดยไม่ตั้งใจ: หากตั้งค่า robots.txt ผิดพลาด อาจทำให้บล็อกหน้าเว็บที่คุณต้องการให้ Google รวบรวมข้อมูลโดยไม่ตั้งใจ
- ไม่อัปเดต Sitemap เป็นประจำ: หากมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเว็บไซต์ แต่ไม่ได้อัปเดต Sitemap ก็อาจทำให้เครื่องมือค้นหาไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาใหม่ได้
- ใช้ไฟล์ robots.txt ที่ซับซ้อนเกินไป: ควรใช้การตั้งค่า robots.txt ที่เรียบง่ายเพื่อป้องกันข้อผิดพลาดในการบล็อกเนื้อหาที่ไม่ต้องการ
สรุป
การใช้ Sitemap และ robots.txt เป็นขั้นตอนสำคัญในการปรับปรุงการทำ SEO ของเว็บไซต์ การใช้ Sitemap ช่วยให้เครื่องมือค้นหาสามารถรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ robots.txt ช่วยบล็อกเนื้อหาที่ไม่สำคัญเพื่อรักษาความเร็วและทรัพยากรของเว็บไซต์
การตั้งค่าและการใช้ทั้งสองอย่างนี้อย่างถูกต้องจะช่วยเพิ่มโอกาสในการจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณในผลการค้นหาของ Google อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
Comments ()