DreamNestHub logo

DreamNestHub

ตัวอย่างการเลือกใช้งาน Keyword Research ใน SEO

การทำ Keyword Research หรือการค้นหาคำหลักเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณถูกค้นพบได้ง่ายขึ้นในเครื่องมือค้นหา เช่น Google โดย Keyword Research ช่วยให้คุณสามารถเลือกคำหลักที่ตรงกับความต้องการของผู้ค้นหา

การทำ Keyword Research หรือการค้นหาคำหลักเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณถูกค้นพบได้ง่ายขึ้นในเครื่องมือค้นหา เช่น Google โดย Keyword Research ช่วยให้คุณสามารถเลือกคำหลักที่ตรงกับความต้องการของผู้ค้นหา และมีความสัมพันธ์กับเนื้อหาหรือสินค้าบริการของคุณ นอกจากนี้ การเลือกคำหลักที่ถูกต้องยังช่วยเพิ่มโอกาสในการเพิ่มยอดผู้เข้าชมและยอดขายให้กับเว็บไซต์

ในบทความนี้ เราจะนำเสนอ ตัวอย่างการเลือกใช้งาน Keyword Research ที่จะช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในการทำ SEO


1. ทำความเข้าใจกับความตั้งใจของผู้ค้นหา (Search Intent)

Search Intent หรือความตั้งใจของผู้ค้นหา คือการทำความเข้าใจว่าผู้ใช้งานกำลังมองหาข้อมูลประเภทใด ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่:

  • Informational Intent: ผู้ค้นหาต้องการหาข้อมูลหรือความรู้ เช่น "วิธีทำ SEO"
  • Navigational Intent: ผู้ค้นหาต้องการค้นหาเว็บไซต์เฉพาะ เช่น "เว็บไซต์ Google Analytics"
  • Transactional Intent: ผู้ค้นหาต้องการซื้อสินค้าหรือบริการ เช่น "ซื้อโทรศัพท์มือถือราคาถูก"

ตัวอย่างการเลือกคำหลักตามความตั้งใจของผู้ค้นหา

หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจขายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า คุณอาจเลือกใช้คำหลักเชิง Transactional เช่น "ซื้อทีวี 4K ราคาถูก" หรือ "เครื่องซักผ้ารุ่นใหม่ปี 2024" ซึ่งแสดงถึงความตั้งใจของผู้ค้นหาที่มีแนวโน้มสูงที่จะซื้อสินค้า

ในทางกลับกัน หากคุณต้องการสร้างเนื้อหาบนบล็อกเพื่อให้ความรู้ คุณอาจใช้คำหลักเชิง Informational เช่น "วิธีเลือกซื้อทีวี" หรือ "เครื่องซักผ้ารุ่นไหนทนทานที่สุด"


2. การเลือกคำหลักที่เหมาะสมกับธุรกิจ

การเลือกคำหลักที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากคุณเลือกคำที่ไม่มีความสัมพันธ์กับสินค้าหรือบริการของคุณ คำหลักนั้นอาจไม่สามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงได้

ตัวอย่างการเลือกคำหลักที่ตรงกับธุรกิจ

  • ธุรกิจร้านอาหาร: หากคุณเปิดร้านอาหารไทยและต้องการดึงดูดลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยว คุณอาจเลือกใช้คำหลักเช่น "ร้านอาหารไทยในกรุงเทพสำหรับนักท่องเที่ยว" หรือ "อาหารไทยแท้ๆ ใกล้ฉัน"
  • ธุรกิจให้บริการปรึกษา: หากคุณเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย คุณอาจเลือกใช้คำหลักเช่น "ทนายความปรึกษาฟรี" หรือ "บริการปรึกษากฎหมายธุรกิจ"

3. การใช้เครื่องมือค้นหาคำหลัก (Keyword Research Tools)

การใช้เครื่องมือช่วยค้นหาคำหลักเป็นส่วนสำคัญในการทำ Keyword Research เพราะเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจข้อมูลสำคัญ เช่น ปริมาณการค้นหา ความยากในการจัดอันดับ และคำที่มีการแข่งขันสูงหรือต่ำ

ตัวอย่างการใช้เครื่องมือ

  1. Google Keyword Planner: เครื่องมือฟรีจาก Google ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณการค้นหาของคำหลัก รวมถึงเสนอคำที่เกี่ยวข้องกับคำหลักที่คุณป้อนลงไป ตัวอย่างเช่น หากคุณค้นหาคำว่า "กาแฟ" Google Keyword Planner อาจเสนอคำว่า "ร้านกาแฟใกล้ฉัน" หรือ "กาแฟสด" เป็นคำหลักเพิ่มเติม
  2. Ahrefs: เครื่องมือยอดนิยมที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปริมาณการค้นหา ความยากของคำหลัก (Keyword Difficulty) และช่วยวิเคราะห์การแข่งขัน ตัวอย่างเช่น หากคุณค้นหาคำว่า "ซ่อมแอร์กรุงเทพ" Ahrefs จะบอกข้อมูลว่าคำนี้มีปริมาณการค้นหามากน้อยแค่ไหน และมีความยากในการแข่งขันมากน้อยเพียงใด
  3. Ubersuggest: เครื่องมือฟรีที่ให้ข้อมูลคำหลักพร้อมทั้งเสนอคำหลักที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น หากคุณป้อนคำว่า "SEO" Ubersuggest อาจเสนอคำเพิ่มเติม เช่น "การทำ SEO สำหรับมือใหม่" หรือ "SEO ราคาประหยัด"

4. การวิเคราะห์คำหลักของคู่แข่ง (Competitor Analysis)

การวิเคราะห์คำหลักของคู่แข่งเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้คุณเลือกคำหลักที่เหมาะสมมากขึ้น โดยการดูว่าคู่แข่งของคุณใช้คำหลักอะไรในเนื้อหาของพวกเขา และมีคำหลักใดที่พวกเขาไม่ได้ใช้แต่คุณสามารถใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการจัดอันดับสูงขึ้น

ตัวอย่างการวิเคราะห์คำหลักของคู่แข่ง

หากคุณเปิดร้านขายอุปกรณ์กีฬาและมีคู่แข่งหลายราย คุณสามารถใช้เครื่องมือเช่น Ahrefs หรือ SEMrush เพื่อดูว่าคู่แข่งของคุณใช้คำหลักอะไรในเว็บไซต์ของพวกเขา เช่น หากคู่แข่งของคุณใช้คำว่า "รองเท้าวิ่งผู้ชาย" คุณอาจเลือกใช้คำที่แตกต่างและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น "รองเท้าวิ่งผู้ชายรุ่นใหม่ 2024"


5. การจัดกลุ่มคำหลัก (Keyword Clustering)

การจัดกลุ่มคำหลักคือการรวบรวมคำหลักหลายคำที่มีความเกี่ยวข้องกันไว้ในกลุ่มเดียว เพื่อให้คุณสามารถสร้างเนื้อหาที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ค้นหาในหลายๆ แง่มุมได้

ตัวอย่างการจัดกลุ่มคำหลัก

สมมุติว่าคุณเป็นเจ้าของร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์ คุณอาจจัดกลุ่มคำหลักเกี่ยวกับ "เสื้อผ้าผู้หญิง" เช่น:

  • เสื้อผ้าผู้หญิงทำงาน
  • เสื้อผ้าผู้หญิงแนววินเทจ
  • เสื้อผ้าผู้หญิงสำหรับงานปาร์ตี้

จากกลุ่มคำเหล่านี้ คุณสามารถสร้างเนื้อหาที่ครอบคลุมทุกด้านเกี่ยวกับเสื้อผ้าผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นแนวแฟชั่นหรือโอกาสในการสวมใส่


6. การใช้ Long-Tail Keywords ในการดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย

Long-Tail Keywords เป็นคำหลักที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ซึ่งแม้ว่าจะมีปริมาณการค้นหาน้อยกว่าคำหลักทั่วไป แต่ Long-Tail Keywords มีคุณสมบัติที่ดีคือดึงดูดกลุ่มผู้เข้าชมที่มีแนวโน้มจะทำการซื้อหรือการกระทำอื่นๆ ที่คุณต้องการมากขึ้น

ตัวอย่างการใช้ Long-Tail Keywords

สมมุติว่าคุณขายอุปกรณ์ออกกำลังกาย คุณอาจใช้คำหลักทั่วไป เช่น "อุปกรณ์ออกกำลังกาย" แต่ถ้าคุณต้องการดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่มีความตั้งใจจะซื้อ คุณอาจใช้ Long-Tail Keywords เช่น "ซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายสำหรับบ้านราคาถูก" หรือ "ซื้อเครื่องออกกำลังกายมือสองในกรุงเทพ"


7. การวัดผลลัพธ์ของการทำ Keyword Research

การทำ Keyword Research ไม่ได้จบเพียงแค่การเลือกคำหลักเท่านั้น แต่ยังต้องมีการติดตามและวัดผลลัพธ์ว่าคำหลักที่คุณเลือกใช้นั้นได้ผลดีเพียงใด คุณสามารถใช้เครื่องมืออย่าง Google Analytics หรือ Google Search Console เพื่อติดตามอันดับของคำหลัก การคลิกเข้าเว็บไซต์ และการเข้าชมโดยรวม

ตัวอย่างการวัดผล

หากคุณเลือกคำหลักว่า "เรียนทำอาหารออนไลน์" คุณสามารถติดตามว่ามีจำนวนการคลิกเข้าชมเว็บไซต์จากคำหลักนี้มากน้อยแค่ไหน และผู้เข้าชมเหล่านั้นทำการลงทะเบียนเรียนหรือไม่ หากคำหลักนั้นไม่สร้างผลลัพธ์ตามที่ต้องการ คุณสามารถปรับเปลี่ยนหรือทดลองใช้คำหลักอื่นได้


8. ข้อควรระวังในการเลือกใช้งานคำหลัก

การทำ Keyword Research มีข้อควรระวังหลายประการที่คุณควรตระหนัก เพื่อให้การทำ SEO ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น:

  • อย่าเลือกใช้คำหลักที่กว้างเกินไป: คำหลักที่กว้างเช่น "เสื้อผ้า" อาจมีการแข่งขันสูงและไม่สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ดี
  • ระวังการใช้คำหลักมากเกินไป: การใส่คำหลักในเนื้อหามากเกินไปอาจทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกมองว่าเป็นสแปม (Keyword Stuffing) และทำให้เว็บไซต์เสียอันดับในการค้นหา
  • ปรับคำหลักตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด: คำหลักที่คุณเลือกใช้อาจต้องปรับเปลี่ยนตามความเปลี่ยนแปลงของตลาดหรือเทรนด์ใหม่ๆ ดังนั้น ควรตรวจสอบและปรับปรุงคำหลักของคุณอย่างสม่ำเสมอ

สรุป

การเลือกใช้งาน Keyword Research เป็นขั้นตอนสำคัญในการทำ SEO ที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณถูกค้นพบได้ง่ายขึ้น และดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับธุรกิจของคุณ การเลือกคำหลักที่เหมาะสม การใช้เครื่องมือช่วยค้นหา และการวิเคราะห์คำหลักของคู่แข่งจะช่วยให้คุณสามารถทำให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสได้อันดับที่สูงขึ้นในเครื่องมือค้นหา และนำไปสู่ความสำเร็จในการทำธุรกิจออนไลน์

บทความยอดนิยม

schema markup ช่วยในการจัดอันดับ SEO อย่างไร และเครื่องมือตรวจสอบ structured data ของ Google

schema markup ช่วยในการจัดอันดับ SEO อย่างไร และเครื่องมือตรวจสอบ structured data ของ Google

เรียนรู้วิธีการใช้ schema markup เพื่อเพิ่มอันดับ SEO และวิธีใช้เครื่องมือตรวจสอบ structured data ของ Google เพื่อเพิ่มโอกาสแสดงผลใน Rich Result

วิธีสร้าง Sitemap และตั้งค่า robots.txt สำหรับเว็บไซต์: การใช้ robots.txt กับ Sitemap ในการทำ SEO

วิธีสร้าง Sitemap และตั้งค่า robots.txt สำหรับเว็บไซต์: การใช้ robots.txt กับ Sitemap ในการทำ SEO

เรียนรู้วิธีสร้าง Sitemap และตั้งค่า robots.txt เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ให้กับเว็บไซต์ของคุณด้วยการใช้ robots.txt กับ Sitemap อย่างถูกต้องและง่ายดาย

ตัวอย่าง long-tail keywords ในการทำ SEO: 10 ไอเดียการใช้คีย์เวิร์ดที่ได้ผลจริง

ตัวอย่าง long-tail keywords ในการทำ SEO: 10 ไอเดียการใช้คีย์เวิร์ดที่ได้ผลจริง

ค้นพบตัวอย่าง long-tail keywords ในการทำ SEO พร้อม 10 ไอเดียการใช้คีย์เวิร์ดที่ได้ผลจริง ช่วยเพิ่มการมองเห็นและดึงดูดผู้เข้าชมมากขึ้น